พระราหูเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

ในสมัยพุทธกาล พระราหูได้ยินเหล่าเทวดาให้การสรรเสริญเยินยอพระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองจึงปรารถนาที่จะได้เข้าเฝ้า แต่พระราหูคิดว่าตนมีร่างกายใหญ่โต ขณะที่พระพุทธเจ้ามีพระวรกายเล็กนิดเดียว ถ้าได้เข้าเฝ้าจะต้องก้มตัวลงทำให้ลำบากและพระราหูไม่เคยก้มหัวให้ใคร


พระราหูเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

ทว่ายิ่งได้ยินกิตติศัพท์มากขึ้นเรื่อยๆจึงอดทนต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจเหาะไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่ประทับ ณ เชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี

พระพุทธเจ้ารับรู้ความคิดของพระราหูได้ทุกประการจึงสำแดงฤทธิ์เพื่อกำราบทิฐิมานะของพระราหูด้วยการเนรมิตพระวรกายให้ใหญ่กว่าพระราหูหลายเท่า ประทับใน "ปางไสยาสน์" นอนตะแคงขวาพระเศียรหนุนภูเขาต่างพระเขนย พระบาทซ้ายทับพระบาทขวาเสมอกันสูงใหญ่กว่าพระราหู พระหัตถ์ทาบทอดไปตามพระกาย พระกัจฉะทับบนพระเขนย อุ้งพระหัตถ์ขวาขึ้นประคองพระเศียรให้ตั้งขึ้น

เมื่อพระราหูเห็นพระพุทธเจ้าในพระวรกายใหญ่โตกว่าตนเองหลายเท่าและยังมีอิริยาบถที่งดงามจึงรู้สึกทั้งอัศจรรย์ใจและเกรงในบารมี พระพุทธเจ้าพาพระราหูขึ้นไปยังพรหมโลกและเทศนาสอน

"หากยังไม่เห็น ยังไม่ได้พิจารณาอย่างถ่องแท้ ไม่ควรตัดสินก่อน เช่นเดียวกับที่พระราหูเข้าใจว่าตนเองมีร่างกายใหญ่โตกว่าเทวดาและอสูรทั้งหลาย แต่ในพรหมอื่นอาจมีผู้ที่ร่างกายใหญ่โตกว่าราหูร้อยเท่าพันเท่า"

พระราหูสดับคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงลดทิฐิมานะลง บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธาและปฏิญาณนับถือไตรสรณคมณ์เป็นสรณะสูงสุดนับแต่นั้นมา